ลิงค์ผู้สนับสนุน

แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ประวัติ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ประวัติ แสดงบทความทั้งหมด

วันอังคารที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ฮาร์ดร็อก เพลงฮาร์ดร็อก ประวัติความเป็นมาของฮาร์ดร็อก

ก่อนจะไปฟังเพลงฮาร์ดร็อก เรามาทำความรู้จักกับแนวเพลงฮาร์ดร็อกกันก่อนนะครับ รวมถึงประวัติความเป็นมาของแนวเพลงฮาร์ดร็อก ว่ามีความเป็นมาอย่างไร


ฮาร์ดร็อก (อังกฤษ: Hard rock) เกิดขึ้นในช่วงกลางทศวรรษ 1960 ใน สหราชอาณาจักร และ สหรัฐอเมริกา ฮาร์ดร็อก เป็นแนวเพลงย่อยของดนตรีร็อก ที่มีรากฐานในช่วงต้นยุค 1960 ของดนตรีไซเคเดลิกร็อก และการาจร็อก และมีความหนักกว่าดนตรีร็อกทั่วไป เป็นต้นแบบของดนตรีเฮฟวี ที่ใช้การบิดเสียงของกีตาร์, กีตาร์เบส,คีย์บอร์ด และกลอง

โดยกระแสความนิยมนั้น ได้รับความนิยมในกระแสหลักในยุค 1970 ฅ 1980 และต้นยุค 1990 ได้รับความนิยมสูงสุดในยุค 1980 และได้รับความนิยมปานกลางในยุค 2000 ถึงแม้ว่าหลายวงอยู่ในกระแสหลัก

ที่มาแหล่งข้อมูล http://th.wikipedia.org/wiki/ฮาร์ดร็อก

ร็อกแอนด์โรล เพลงร็อกแอนด์โรล ประวัติความเป็นมาของร็อกแอนด์โรล

ก่อนจะไปฟังเพลงร็อกแอนด์โรล เรามาทำความรู้จักกับแนวเพลงร็อกแอนด์โรลกันก่อนนะครับ รวมถึงประวัติความเป็นมาของแนวเพลงร็อกแอนด์โรล ว่ามีความเป็นมาอย่างไร


ร็อกแอนด์โรล (อังกฤษ: Rock and roll หรือ rock 'n' roll) คือแนวเพลงประเภทหนึ่งที่ได้พัฒนาในสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ช่วงปลายยุค 40s จนมาได้รับความนิยมในต้นยุค 50s และได้แพร่ขยายความนิยมไปทั่วโลก ซึ่งในปัจจุบันเราจะเรียกกันสั้นๆว่า "ร็อก" ส่วนเรื่องจังหวะจะเป็นจังหวะ บูกี้ วูกี้ บลูส์ โดยจะทำให้เด๋นโดยจังหวะแบ็ค บีท (Back Beat) ซึ่งต่อมาจะใช้กลองสแนร์ ดนตรีร็อกแอนด์โรลช่วงแรกจะเล่นโดยกีตาร์ไฟฟ้า หนึ่งหรือสองตัว (1 ลีด ,1 ริธึ่ม),กีตาร์เบส (หรือดับเบิ้ลเบส),ชุดกลอง ส่วนคีย์บอร์ดจะเป็นส่วนเสริม

ร็อกแอนด์โรลในช่วงต้นยุค 50s มักจะใช้แซกโซโฟนนำดนตรี ต่อมาจึงเปลี่ยนมาเป็นกีตาร์ช่วงกลางยุค 50s เปียโนก็ถูกใช้เป็นส่วนสำคัญในดนตรีร็อกแอนด์โรลช่วง กลางยุค 40s

ความได้รับความนิยมในดนตรีร็อกแอนด์โรลเป็นอย่างมากได้แพร่กระจายสู่ สังคม นอกจากทางด้านดนตรีแล้ว ยังมีผลต่อแฟชั่น ไลฟ์สไตล์ ภาษา ศิลปินที่มีชื่อเสียงอย่างมากคือ เอลวิส เพรสลีย์ ที่สร้างภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์ในรูปแบบของร็อกแอนด์โรล

ในปี ค.ศ. 1951 อลัน ฟรีด (Alan Freed) ดีเจจากโอไฮโอ ได้ถูกยกเครดิตให้เป็นผู้คิดคำว่า ร็อกแอนด์โรลล์เป็นคนแรก

ร็อกแอนด์โรล ได้ผสมผสาน เอาดนตรีของคนผิวขาวกับผิวดำเข้าด้วยกัน ทำให้เกิดเป็นดนตรีแนวใหม่ที่มีจังหวะที่รุนแรงกว่าเดิม ทั้งเสียงกีตาร์ที่ดัง กลองที่รัวและเร็ว วัฒนธรรมดนตรีแบบร็อกแอนด์โรล ได้มีผลต่อวัยรุ่นในยุคนั้น ทั้งภาษาและการพูดจา ที่โจ่งแจ้ง แสดงอารมณ์อย่างชัดเจน การแต่งกายและทรงผมแปลก ๆ การเต้นรำอย่างบ้าคลั่ง ฯลฯ ที่ถือว่าเป็น การแสดง ถึงตัวตน (Identity) ของตนเองออกมา ภาษากายต่าง ๆ เหล่านี้ ล้วนเป็นแนวทางที่ขัดกับ สิ่งที่ผู้ใหญ่ในสมัยนั้น เห็นว่าดีงาม และถูกต้องทั้งสิ้น ในยุคนั้น ร็อกแอนด์โรลจึงถูกประฌามว่าเป็น ดนตรีของ ปีศาจ เนื่องจากความใหม่และแหวกแนวอย่างมาก

ในช่วงทศวรรษที่ 50 เพราะขณะที่ศิลปินร็อกแอนด์โรลระดับที่เป็นตำนาน ทยอยกันสร้างชื่อ และผลงานของตนเองไว้ที่อเมริกา ไม่ว่าจะเป็น บิล ฮาลีย์ (Bill Haley) ที่มีเพลงฮิตที่รู้จักกันทั่วโลกคือ Rock around the clock (1954), ชัค เบอร์รี (Chuck Berry) ผลงานที่โด่งดัง คือเพลง Meybelline (1955), ลิตเติล ริชาร์ด (Little Richard) เพลง Long tall Sally หรือ Rip it up (1956) ที่มียอดขายเกินหลักล้าน, เจอร์รี ลี ลีวิส (Jerry Lee Lewis) กับเพลงที่ได้รางวัลแผ่นเสียงทองคำ Whole latta shakin' goin' on (1957), เอลวิส เพรสลีย์ที่มีเพลงฮิตติดอันดับนับไม่ ถ้วนตั้งแต่ 1956 ถึง 1958 เช่น Love me tender (1956) Loving you (1957) Jailhouse rock (1957) และ King carole (1958) หรือ บัดดี ฮอลลี (Buddy Holly) ผลงานที่ฮิตที่สุด Peggy Sue (1957)

รายชื่อศิลปินร็อกแอนด์โรลระดับต้นๆ
- Chuck Berry
- Bo Diddley
- Fats Domino
- The Everly Brothers
- Buddy Holly
- Jerry Lee Lewis
- Little Richard
- Roy Orbison
- Elvis Presley

ที่มาแหล่งข้อมูล http://th.wikipedia.org/wiki/ร็อกแอนด์โรล

วันพุธที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

อัลเทอร์เนทีฟ เพลงอัลเทอร์เนทีฟ ประวัติความเป็นมาของอัลเทอร์เนทีฟ

ก่อนจะไปฟังเพลงอัลเทอร์เนทีฟ เรามาทำความรู้จักกับแนวเพลงอัลเทอร์เนทีฟกันก่อนนะครับ รวมถึงประวัติความเป็นมาของแนวเพลงอัลเทอร์เนทีฟ ว่ามีความเป็นมาอย่างไร

http://img530.imageshack.us/img530/2669/obrazxu0.jpg

ความหมายและประวติความเป็นมาของอัลเทอร์เนทีฟ

อัลเทอร์เนทีฟ (อังกฤษ: Alternative) อาจเรียกเต็มๆว่า อัลเทอร์เนทีฟร็อก หรือในสหราชอาณาจักรเรียกว่า อินดี้ เป็นแนวเพลงร็อกแขนงหนึ่งที่เกิดขึ้นในทศวรรษที่ 80 และ ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในทศวรรษที่ 90 คำว่าอัลเทอร์เนทีฟถูกคิดขึ้นในทศวรรษที่ 80 อธิบายถึงแนวเพลงได้รับแรงบันดาลใจจากพังค์ร็อก โดยอยู่ค่ายเพลงอิสระ ที่ไม่ได้อยู่ในกระแสนิยมในช่วงเวลานั้น ในความหมายทางด้านดนตรี อัลเทอร์เนทีฟประกอบด้วยเพลงหลายๆแนวรวมกันทั้ง กรันจ์, บริทป็อป, กอธิคร็อก และ อินดี้ป็อป ที่ถูกรวมกันโดยลักษณะพื้นฐานของพังค์ที่เป็นพื้นฐานที่สำคัญของดนตรี อัลเทอร์เนทีฟร็อกในทศวรรษที่ 70[1]

ถึงแม้ว่าอัลเทอร์เนทีฟจะถูกจัดอยู่ในร็อก แต่ในบางครั้งก็ได้รับอิทธิพลจากดนตรีโฟล์ก, เร้กเก้, อีเลกโทรนิก และแจ๊ซ บ้าง

ที่มาแหล่งข้อมูล http://th.wikipedia.org/wiki/อัลเทอร์เนทีฟ

เฮฟวีเมทัล เพลงเฮฟวีเมทัล ประวัติความเป็นมาของเฮฟวีเมทัล

ก่อนจะไปฟังเพลงเฮฟวีเมทัล เรามาทำความรู้จักกับแนวเพลงเฮฟวีเมทัลกันก่อนนะครับ รวมถึงประวัติความเป็นมาของแนวเพลงเฮฟวีเมทัล ว่ามีความเป็นมาอย่างไร

[heavy_power_metal_holocaust.jpg]

ความหมายของเฮฟวีเมทัล

เฮฟวีเมทัล (อังกฤษ: Heavy metal) (ในบางครั้งจะเรียกสั้น ๆ ว่า เมทัล) เป็นแนวเพลงร็อกประเภทหนึ่งที่พัฒนาในช่วงปลายทศวรรษที่ 60 และต้นทศวรรษที่ 70 ด้วยรากฐานของดนตรี บลูส์-ร็อก และ ไซเคเดลิกร็อก โดยมีหลายวงได้พัฒนาเฮฟวีเมลทัล ให้มีความหนา, หนัก, ดนตรีที่เน้นกีตาร์และกลอง และลักษณะเฉพาะตัวที่มีการโซโล่กีตาร์ที่รวดเร็ว

เพลงแนวเฮฟวีเมทัลได้รับความนิยมจากแฟนทั่วโลก ที่แฟนเหล่านั้นจะเรียกตัวเองว่า เมทัลเฮดส์ หรือ เฮดแบงเกอร์ และถึงแม้ว่าวงเมทัลในช่วงต้น ๆ อย่าง เล็ด เซ็พเพลิน, แบล็ค แซบบาธ และ ดีพ เพอร์เพิล จะได้รับความสนใจจากกลุ่มคนฟังหลัก แต่ก็มีบ้างที่พวกเขาจะถูกด่าทอ

ประวัติความเป็นมาของเฮฟวีเมทัล

ความเป็นมานั้นเริ่มจาก กลุ่มศิลปินที่เดิมเล่นเพลงบลูส์ ในช่วงปี 1966 - 68 เช่น วงครีมซึ่งมี อีริค แคลปตัน เป็นมือกีตาร์และนักกีตาร์ไฟฟ้าที่ชื่อ จิมิ เฮนดริกซ์ ซึ่งใช้เครื่องช่วยขยายเสียงกีตาร์ไฟฟ้าให้มีเสียงอันดังสนั่น เกิดแนวทางใหม่ๆในการเล่นกีตาร์ไฟฟ้าของดนตรีร็อก เช่น การใช้เสียงหอนกลับ(Feedback) เสียงบิดเบือน (Distortion) หรือ เพี้ยน วงครีม มีเพลงฮิตที่ตามมาเช่น I feel free(1966) ,Sunshine of your love(1967),White room(1968) เป็นต้น โดยเฉพาะเฮ็นดริ๊กซ์นั้น เขามีการเล่นที่น่าตื่นตา เช่นการเล่นกีตาร์ด้วยฟัน เป็นต้น เพลงฮิตที่ตามมาของเขา เช่น Purple Haze(1967) , Hey Joe, The Wind Cries Mary,Voodoo Chile(1968)ซึ่งเพลงเหล่านั้นนับว่าเป็นเพลงแนวฮาร์ดร็อก ยุคแรกๆ ที่ติดอันดับ Top Chart ในยุคนั้น

ต่อมาได้ข้ามาถึงฝั่งอเมริกา เมื่อดนตรีแนว ไซคเดลิค ได้เข้ามาอิทธิพลในอเมริกา วงอย่าง บลู เชียร์ ได้พัฒนาแนวดนตรีขึ้นมาอีกขั้น โดยจะมีความเป็นฮาร์ดร็อคมากยิ่ง ขึ้น ได้เปิดอัลบั้มแรกของพวกเขาในปี 1968 มีเพลงฮิตเช่น Summertimes Blues เป้นต้น ในปีเดียวกัน วง สเต็พเพ็นวูลฟ์ ได้มีเพลงฮิต ชื่อ Born to be Wild (1968)ซึ่งในเพลงนั้นมีวลีว่า Heavy Metal Thunder ซึ่งได้เอาเพลงฮุคท่อนนี้ มาใช้บัญญัติคำดนตรีแนวนี้ว่า เฮฟวี่เมทัล ในเวลาต่อมา ซึ่งทั้ง 2 วงนี้ได้นำเอาคีย์บอร์ดมาใช้ผสมกับดนตรีแนวนี้เพื่อความหนักหน่วง ของดนตรีแนวนี้มากขึ้น

วง เล็ด เซ็พพลิน นับเป็นวงที่เริ่มบุกเบิกดนตรีเฮฟวี่เมทัล ยุคใหม่ เป็นที่รู้จักกันดีด้วยเสียงดนตรีอันดังสนั่น โดยพัฒนาแนวดนตรีบลูส์ของอังกฤษ ผสมกับ โฟล์ก ซึ่งพวกเขาตั้งวงกันเมื่อปี 1968 และมีเพลงฮิตในปีถัดมา ซึ่งมีเพลงแนวเฮฟวี่ร็อค อย่าง Communication Breakdown (1969) และเพลงที่หลายๆคนยกย่องกันว่าเป็นเพลงเฮฟวี่เมทัลขนานแท้ของวงนี้คือ Stairway to Heaven (1971) ซึ่งดนตรีของวงนี้มีลักษณะที่พิเศษกว่าวงฮาร์ดร็อกยุคก่อนๆคือ สไตล์การร้องเพลงของนักร้องนำคือ โรเบิร์ต แพลนท์ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในการร้องแบบโหยหวนเต็มพลังอารมณ์ และ สไตล์การเล่นกีตาร์ของ จิมมี่ เพจที่ออกแนว โลดโผน เร้าใจ ซึ่งทำให้เป็นแรงบันดาลใจแก่วงเฮฟวี่ร็อครุ่นหลังๆ ต่อๆมา วง ดีพ เพอร์เพิล ซึ่งมาในรุ่นเดียวกัน ก็ปล่อยซิงเกอร์ออกมาคู่กับ วงเลด เซ็พพลิน ซึ่งวงนี้จะออกแนว ไซเคเดลิก หรือ ฮาร์ดร็อก มากกว่า ของช่วงยุคแรกๆ

วง แบล็ค แซบบาธได้ช่วยบุกเบิก ดนตรีแนวนี้ในอังกฤษเมื่อปี 1970 ซึ่งพัฒนาแนวไปอีกอีกขั้นหนึ่ง โดยลักษณะเด่นของวงนี้คือ เสียงกีตาร์ที่มีลักษณะเฉพาะของ โทนี่ ไอออมมี่ ซึ่งมีโทนเสียงกีตาร์ที่ต่ำและแตกพร่า ที่เกิดจากความผิดปกติของนิ้วของเขา และเนื้อหาของดนตรีที่ออกแนวที่เกี่ยวกับความน่าสะพรึงกลัว ความเป็นไปของสังคมในด้านลบ และอิทธิพลของยาเสพติดในยุคนั้น และความเป็นบลูส์ในเนื้อดนตรี เริ่มลดลง พวกเขามีเพลงฮิตอย่าง Paranoid (1970) ซึ่งต่อมาวงนี้ได้รับการกล่าวขวัญว่า เป็น วงดนตรีเฮฟวี่เมทัลที่ยิ่งใหญ่ที่ สุดวงหนึ่งของโลกตลอดกาล วงอื่นๆ ที่ได้รับอิทธิพลในข้างต้นนั้นวงอื่นๆ ก็มีเช่น ยูราย ฮีพ, สกอร์เปียนส์ ,ยูเอฟโอหรือแม้กระทั่งวงอย่าง ควีน เป็นต้น วงเหล่านี้ล้วนมาจากฝั่งยุโรปทั้งสิ้น โดยในฝั่งอมริกา ก็มีวงอย่างเช่น แกรนด์ฟังก์เรลโรด ,คิส,บลูออยส์เตอร์คัล ต์ เป็นต้น

ในช่วงกลางทศวรรษที่ 70 จูดาส พรีสต์ ได้กระตุ้นการพัฒนาการของแนวเพลงนี้โดยละทิ้งอิทธิพลของเพลงแนวบลูส์ทิ้งไป และกระแสเฮฟวีเมทัลในสหราชอาณาจักร ก็ตามมาคล้าย ๆกัน คือรวมความรู้สึกของพังค์ร็อกเข้าไปและเพิ่มเน้นใน เรื่องของความเร็วเข้าไป

วงเฮฟวีเมทัล ได้ก้าวสู่ความนิยมหลักในทศวรรษที่ 80 เมื่อมีการขยายไปของแนวเพลงย่อยเกิดขึ้น ความหลากหลายนี้ได้เพิ่มความก้าวร้าวและสุดขีดมากกว่าเมทัลในอดีต ที่มักจะจำกัดวงเฉพาะกลุ่มคนฟังใต้ดิน วง ไอร่อน เมเด้น ได้เป็นผู้นำดนตรีเฮฟวี่เมทัล แนวที่เรียกกันว่า NWOBHMหรือ New Wave Of British Heavy Metal ซึ่งจะไม่มีอิทธิพลของดนตรีบลูส์หลงเหลืออยู่เลย แนวนั้นจะก้าวร้าวขึ้น รวดเร็วยิ่งขึ้น และได้มีอิทธิพลหลักต่อแนวเพลงย่อยของดนตรีเฮฟวี่เมทัลในเวลาต่อมา ในที่นี้รวมถึง แกลมเมทัล และ แทรชเมทัล ก็ได้เข้าสู่กระแสหลักได้ ในปัจจุบัน แนวเพลงอย่าง นูเมทัล ก็ได้ขยับขยายไปจากเฮฟวีเมทัล

ที่มาแหล่งข้อมูล http://th.wikipedia.org/wiki/เฮฟวีเมทัล